Metaverse คืออะไร?

Metaverse คือโลกเสมือนจริงที่มีการผสมผสานระหว่างสภาพแวดล้อมของโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกดิจิทัล เพื่อเปิดให้ผู้คนได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันได้ ผ่านการแสดงตัวตนแบบจำลอง (Avatar) ให้กับทั้งบุคคล สถานที่ และสิ่งของรูปแบบต่าง ๆ โดยการอาศัยอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยี และอุปกรณ์ที่รองรับการเข้าถึง Metaverse ได้แก่ Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR)

ในปัจจุบันนี้เราทุกคนมีกิจกรรมในโลกอินเทอร์เน็ตอยู่เกือบตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น การเล่นเกม การท่องเว็บไซต์ข่าว หรือแม้แต่การใช้งานโปรแกรมแชท และการมาของ Metaverse จะทำให้กิจกรรมเหล่านี้มีความเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น โดยการให้ผู้ใช้เข้าไปอยู่ในเหตุการ์ณเสมือนจริง ซึ่งผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์ที่มากกว่าเพียงแค่การดูเว็บไซต์หรือแชทผ่านแอปพลิเคชันผ่านหน้าจอของอุปกรณ์

ทุกการกระทำและทุกกิจกรรมบนโลกทางกายภาพจะได้รับการจำลองบนพื้นที่ของโลกเสมือนจริงหรือ Metaverse ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณจะได้รับอิสระและประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้งานระดับบุคคลหรือระดับองค์กรก็ตาม โดยผู้ใช้สามารถทำงาน เล่น และเชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ ภายใน Metaverse ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าคุณจะต้องการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนหรือครอบครัว เข้าร่วมคอนเสิร์ต ท่องเที่ยวรอบโลก เล่นเกม เข้าร่วมการประชุมในสำนักงาน หรือแม้แต่การฝึกอบรมพนักงานใหม่ ก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น หรือพูดได้ว่าบน Metaverse นั้นคุณสามารถทำกิจกรรมใด ๆ ก็ได้ที่อยากทำในโลกแห่งความจริง

นอกจากนี้แล้วกิจกรรมบนพื้นที่ของโลกดิจิทัลยังครอบคลุมไปถึงกิจกรรมด้านเศรษฐกิจอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าบนโลก Metaverse นั้นผู้ใช้สามารถสร้าง ขาย และซื้อสินค้า ตั้งแต่ที่ดินเสมือนจริงไปจนถึงเสื้อผ้าเสมือนจริงได้เช่นเดียวกัน โดยคุณสามารถซื้อหรือขายได้เกือบทุกอย่างที่คิด และในบรรดาเจ้าของที่ดินบน Metaverse ก็มีอิสระในการปรับใช้ที่ดินของตนเองได้ตามต้องการ ซึ่งสามารถใช้เพื่อสร้างเมืองจำลองด้วยการใช้การทำงานของ Animation และการมีปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ ร่วมกัน รวมไปถึงการสร้างอสังหาริมทรัพย์เสมือนจริงและการสร้างสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ขึ้นมาใหม่ โดยผู้ใช้สามารถสร้างอะไรก็ได้ที่ต้องการบนเมืองจำลอง เช่น บ้าน, ตึกสูง, คาสิโน และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสการสร้างผลตอบแทนรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การจัดอีเว้นท์, การให้เช่าที่ดิน, การขายพื้นที่โฆษณา และอื่น ๆ อีกมากมาย

โลกเสมือนจริงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดใน Metaverse

  1. Decentraland

    Decentraland เป็นซอฟต์แวร์โลกเสมือนจริงแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Virtual World) ที่ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum Blockchain อีกทั้งถือเป็น Virtual Blockchain World (VBW) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบันอีกด้วย โดยผู้ใช้บน Decentraland สามารถซื้อและขายที่ดินเสมือนจริงเพื่อการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์ม เช่น สำรวจที่ดิน เล่นเกม และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เป็นต้น นอกจากนี้ที่ดินบนแพลตฟอร์มจะถูกเรียกว่า “LAND” และจำนวนที่ดินบน Decentraland นั้นมีทั้งหมด 90,601 แปลง ซึ่งจะแบ่งเป็นที่ดินส่วนบุคคล 43,689 แปลง, ที่ดินเขต 43,689 แปลง, ถนน 9,438 แปลง และจัตุรัส 3,588 แปลง โดยที่ดินแต่ละแปลงจะมีขนาดเริ่มต้นที่ 16*16 เมตร และถือเป็น NFT ชนิดหนึ่งอีกด้วย หมายความว่าการค้าขายที่ดินใน Decentraland จึงถือเป็นการทำธุรกรรม NFT โดยผู้ใช้จะสามารถซื้อที่ดินได้ด้วยการใช้สกุลเงินดิจิทัลประจำเครือข่าย Decentraland ที่เรียกว่า “MANA”

  2. The Sandbox

    The Sandbox เป็นซอฟต์แวร์โลกเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริงที่ศิลปินและนักออกแบบสามารถสร้างสรรค์ แบ่งปัน และสร้างผลตอบแทน จากประสบการณ์ทางศิลปะ ประสบการณ์การเล่นเกม และแลกเปลี่ยน NFT บนเครือข่าย Ethereum Blockchain ได้ นอกจากนี้ที่ดินของ The Sandbox หรือที่เรียกว่า “LAND” นั้นสามารถพัฒนาโดยเจ้าของได้หลากหลายวิธีการ ซึ่งที่ดินแต่ละแปลงจะถือเป็นโทเคนประเภท NFT (ERC-721) บนเครือข่าย Ethereum Blockchain โดยจะไม่สามารถทำซ้ำหรือปลอมแปลงได้ และที่ดินทั้งหมดใน Metaverse ของ Sandbox มีทั้งหมด 166,464 แปลงเท่านั้น ทำให้ที่ดินของแพลตฟอร์มนี้เป็นทรัพยากรที่มีจำกัด อย่างไรก็ตามผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของที่ดินนั้นสามารถรวมกลุ่มกับเจ้าของที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงกันเพื่อพัฒนาจาก LAND ให้เป็น ESTATE ได้ และเพื่อให้เจ้าของที่รวมกลุ่มกันสามารถพัฒนาที่ดินบนเนื้อที่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม

  3. Somnium Space

    Somnium Space เป็น Virtual Blockchain World (VBW) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Decentraland และเป็นโลกเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้นบน Ethereum Blockchain ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการฉายภาพผ่านเทคโนโลยี VR ที่มีความสวยงาม โดยภาพรวมของ Somnium Space จะเป็นคอมมูนิตี้ขนาดเล็กแต่เปิดกว้าง และให้ผู้ใช้ทุกคนได้มีประสบการณ์ร่วมกัน โดยให้ผู้ใช้ทุกคนได้เป็นเจ้าภาพของโลกอันกว้างใหญ่ร่วมกัน ผ่านเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ไฮบริด ซึ่งไม่ว่าผู้ใช้ไปที่ไหนสักแห่งบนโลกของ Somnium Space ก็ตาม พวกเขาจะได้พบเจอและสัมผัสในสิ่งเดียวกันกับผู้ใช้คนอื่นที่เคยผ่านมายังที่นี่แล้ว อีกทั้งยังสามารถซื้อหรือขายที่ดิน บ้าน ตึก สินทรัพย์ต่าง ๆ ภายในแพลตฟอร์มได้อีกด้วย โดยลักษณะพื้นที่ที่มีความโดดเด่นที่สุดที่ผู้ใช้มักซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ใน Somnium Space ได้แก่ Waterfront และ Roadside รวมไปถึงยังแบ่งที่ดินออกเป็น 3 ขนาด ได้แก่ เล็ก กลาง และใหญ่พิเศษ

  4. CryptoVoxels

    CryptoVoxels เป็น Virtual Blockchain World (VBW) ที่มีขนาดเล็กที่สุดในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม CryptoVoxels ถือเป็นโลกเสมือนจริงเพียงรูปแบบเดียวที่ถูกสร้างให้มีการขยายตัวของพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ดินทั้งหมดของ CryptoVoxels มีทั้งหมด 3,026 แปลงในรูปทรงและขนาดที่แตกต่างกันออกไป แต่ขนาดของที่ดินจะสามารถขยายออกไปพร้อม ๆ กับการสร้างเกาะภายในแพลตฟอร์มเป็นระยะ ๆ โดยภายในโลกเสมือนจริงของ CryptoVoxels ประกอบด้วยเมืองหลักคือ “Origin City” ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาถนน (ที่เป็นเจ้าของโดยหน่วยงานหรือบริษัท) และที่ดินเพื่อทำการซื้อได้ นอกจากนี้ CryptoVoxels เป็นหนึ่งในโลกเสมือนจริงที่เข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรที่สุดสำหรับการเริ่มต้นการก่อสร้าง ซึ่งผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ใด ๆ เพื่อเข้าถึงโลกเสมือนจริงของ CryptoVoxels โดยเพียงแค่ใช้อินเทอร์เฟสแบบลากและวางทั่ว ๆ ไป อย่างไรก็ตาม CryptoVoxels สามารถใช้งานได้ทั้งในโหมด VR และ 2D อีกทั้งยังเข้ากันได้กับอุปกรณ์ VR หลากหลายประเภทอีกด้วย

  5. Upland

    Upland เป็นโลกเสมือนจริงหรือ Meterverse ที่นำเสนอการเป็นเจ้าของที่ดิน NFT ที่อ้างอิงจากที่อยู่จริงจากแผนที่ในโลกแห่งความจริง โดยสิ่งที่ทำให้ Upland มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครคือ การมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเศรษฐกิจทางดิจิทัลแบบอิงตลาดที่สามารถลดทอนเส้นแบ่งระหว่างโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริงได้ อีกทั้งยังเป็น Metaverse Blockchain แห่งแรกและแห่งเดียวที่มีนโยบายการชำระเงินคืน (Refund) ให้แก่ผู้ใช้ที่มีส่วนร่วมกับ Metaverse ในสกุลเงิน USD อีกด้วย นอกจากนี้ Upland ยังยึดถือหลัก 3 ประการคือ ธุรกิจ บันเทิง และชุมชน ซึ่งผู้ใช้สามารถสร้างอสังหาริมทรัพย์ เปิดธุรกิจเสมือนจริง และสามารถรับโทเคนประจำเครือข่าย (Native Token) ของแพลตฟอร์มที่เรียกว่า “UPX” ได้ หรือเลือกรับเป็นสกุลเงิน USD สำหรับการขายที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ NFT ใน Open Marketplace

  6. Axie Infinity

    Axie Infinity เป็นเกมการซื้อขายและการต่อสู้ของสัตว์เลี้ยง โดยผู้เล่นสามารถรวบรวม ผสมพันธุ์ เลี้ยง และแลกเปลี่ยน สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “Axie,” ซึ่งได้ถูกดัดแปลงเป็น NFT แต่อย่างไรก็ตามบน Axie Infinity ยังมีสินทรัพย์ดิจิทัลอีกมากมายและที่ดินก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน และเช่นเดียวกับในโลกแห่งความเป็นจริง แม้แต่ที่ดินในโลกเสมือนจริงก็ยังเป็นทรัพย์สินที่หายากและมีราคาสูง โดยที่ดินทุกแปลงของ Axie Infinity ประกอบด้วย 64 บล็อก (8x) และที่ดินจะถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามระดับความยากในการค้นหา ได้แก่ Savannah, Forest, Arctic, Mystic, Genesis, และ Lunas Landing (ใจกลางเมือง) ซึ่งที่ดินแต่ละประเภทจะมีไอเทมพิเศษที่ผู้เล่นสามารถนำไปใช้งานในเกมได้ นอกจากนี้เจ้าของที่ดินก็สามารถสร้างผลตอบแทนจากที่ดินของตนเองโดยการขายเก็งกำไร รวมไปถึงการสร้างผลตอบแทนแบบ Passive Income ด้วยเช่นเดียวกัน

ทำไม NFT จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึง Metaverse?

NFT และ Metaverse สามารถทำงานร่วมกันได้ในทางปฏิบัติ เนื่องมาจากการเพิ่มจำนวนของ NFT ใน Blockchain Gaming ที่หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้ Metaverse เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น และสิ่งที่สามารถทำงานร่วมกันได้ก็จะเป็นตัวกลางสำคัญที่ขับเคลื่อน Metaverse และในปัจจุบันนี้ NTF อนุญาตให้เข้าถึง Metaverse ได้หลากหลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการจำลองตัวตนในชีวิตจริงขึ้นมาในรูปแบบของดิจิทัล หรือที่เรียกกันว่า “Avatar”

สภาพทางสังคมทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและโลกเสมือนจริง ต่างก็ต้องการระบบเศรษฐกิจที่ใช้งานได้จริง และในพื้นที่เสมือนจริงของ Metaverse นั้นเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับการรับรองความถูกต้องของบรรดาสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น บ้านเสมือนจริง รถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่เสื้อผ้า เป็นต้น และเพื่อที่ Metaverse จะก้าวหน้าได้นั้นมันยังต้องการความสามารถในการเข้าถึงและการแลกเปลี่ยนที่เป็นอิสระในแต่ละภูมิภาคที่มีกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน

ดังนั้นแล้วกระบวนการการเข้ารหัสที่ไม่สามารถคัดลอก ลบทิ้ง หรือทำลายการรักษาความปลอดภัยอย่าง NFT นั้นจึงช่วยให้สามารถตรวจสอบการครอบครองทรัพย์สินและตัวตนเสมือนจริงได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากใน Metaverse ที่ต้องการประสบความสำเร็จ และด้วยความสามารถดังกล่าวของ NFT จะสามารถทำหน้าที่เป็นกุญแจที่นำไปสู่ทรัพย์สินเสมือนจริงใน Metaverse โดยให้สิทธิ์การเข้าถึงแบบเอกสิทธิ์เฉพาะแก่เจ้าของเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว Smart Contract ของ NFT ยังทำให้การขายทรัพย์สินเสมือนจริง การโอนกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ และการเข้าถึงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เป็นไปอย่างโปร่งใสมากยิ่งขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตามด้วยแนวคิดเหล่านี้เราจึงสามารถใช้การเข้าถึงที่ควบคุมโดย NFT ได้ในหลายกรณีด้วยกัน เช่น การเข้าถึงกิจกรรมแบบ VIP เช่น งานเทศกาลทั้งใน Metaverse และโลกแห่งความเป็นจริง เป็นต้น

การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เสมือนจริงใน Metaverse

ผู้ใช้สามารถเป็นเจ้าของได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงสามารถควบคุมที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เสมือนจริงใน Metaverse ด้วย NFT ได้อย่างเบ็ดเสร็จ นอกจากนี้ด้วยการใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ใช้จึงสามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินและมีอิสระในการเนรมิตที่ดินเสมือนจริงของตนเองได้ตามต้องการอีกด้วย

ผู้ใช้สามารถปรับใช้และสร้างผลตอบแทนจากอสังหาริมทรัพย์เสมือนจริงใน Metaverse ได้หลากหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุด ได้แก่ การขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร, การปล่อยเช่าที่ดินเพื่อสร้างผลตอบแทนแบบ Passive Income, จัดอีเว้นการชุมนุมทางสังคม และสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะ ร้านเกมตู้ หรือร้านค้าออนไลน์ เป็นต้น

นอกจากนี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ใน Metaverse มักนิยมจัดแสดงนิทรรศการแฟชั่นเสมือนจริง และมีการประมูลการออกแบบในแต่ละคอลเลคชั่นเป็น NFT รวมไปถึง Metaverse ก็ยังสามารถดึงดูดนักดนตรีจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเหล่าศิลปินสามารถใช้พื้นที่ของ Metaverse เพื่อแสดงดนตรีและขายบัตรชมการแสดงแบบ NFT หรือสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ ได้อีกด้วย

สินค้าโภคภัณฑ์ยอดนิยม "Metaverse Land"

การเปลี่ยนชื่อจาก Facebook เป็น Meta ทำให้เกิดกระแสความสนใจใคร่รู้ต่อโลกเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Decentraland หรือ Sandbox ก็ตามที แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาอีกสักเล็กน้อยในการผลักดันคำว่า “Metaverse” ให้ก้าวเข้าสู่กระแสหลักอย่างเต็มตัว แต่อย่างไรก็ตาม Metaverse Land หรือที่ดินเสมือนจริงนั้นก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ยอดนิยมในพื้นที่ของตลาดคริปโตแล้วเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งมันยังคงสร้างสถิติยอดขายและราคาของ NFT ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ Metavesre ทำได้ในขณะนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของศักยภาพที่แท้จริงของมันเท่านั้น นับตั้งแต่การสร้างอสังหาริมทรัพย์บนที่ดินเสมือนจริงไปจนถึงการสร้างผลตอบแทนผ่านการเก็บค่าโฆษณา ซึ่งถือได้ว่าความเป็นไปได้ของการมีปฏิสัมพันธ์ต่อ Metaverse แทบไม่มีจุดสิ้นสุดเลยก็ว่าได้

ณ วันนี้อีเว้นท์ต่าง ๆ ของ Metaverse กำลังกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในโลกของคริปโต ซึ่งอีเว้นท์เสมือนจริงใด ๆ ก็ตามใน Metaverse จะช่วยให้เหล่าศิลปิน ผู้ผลิต และแบรนด์ต่าง ๆ สามารถอวดโฉมผลงานและผลิตภัณฑ์ของตนเองต่อผู้คนทั่วโลกนับล้านได้อย่างไร้พรมแดน นอกจากนั้นแล้วที่ดินเสมือนจริงยังสามารถใช้เป็นสถานที่สำหรับการจัดแสดงงานศิลปะ NFT หรือสถานที่สำหรับเกมที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain (Blockchain Gaming) ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นอีเว้นท์เสมือนจริง ที่ดินเสมือนจริง และ Metaverse เองจะยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน

ก้าวต่อไปของ Metaverse ในอนาคต

หากพูดกันแบบกว้าง ๆ แล้ว Metaverse ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามมันก็แสดงให้เห็นถึงโอกาสทางการเงินและโอกาสทางสังคมที่เป็นไปได้มากมายผ่านการใช้ NFT เป็นตัวขับเคลื่อน อีกทั้งยังมีการนำเสนอกิจกรรมใหม่ ๆ บนโลกอินเทอร์เน็ต เช่น การเก็บสะสม การมีปฏิสัมพันธ์ การเล่นเกม การสร้างผลตอบแทน และการทำธุรกรรม เป็นต้น

เช่นเดียวกันกับ NFT Blockchain Gaming ที่จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญร่วมกับ Metaverse ในการก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของ Web 3.0 แทนที่ Web 2.0 ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน โดยจะเป็นการผสานการทำงานระหว่าง VR, โซเชียลเน็ตเวิร์ก, วิดีโอเกม และบางส่วนของโลกคริปโต อย่างไรก็ตาม Web 3.0 เป็นวิสัยทัศน์ของโลกอินเทอร์เน็ตในอนาคต ซึ่งธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริงก็ได้ขยายวงกว้างเข้าไปสู่พื้นที่ของโลกดิจิทัลแล้ว และเหล่าผู้ใช้ก็ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพรอบด้านของมันด้วยเช่นกัน