ขายที่ดินเสมือน Next Earth

ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ Next Earth

Next Earth คืออะไร?

Next Earth เปรียบเสมือนสำเนาเสมือนจริงที่คัดลอกแผนที่โลกทั้งใบมาเป็นรูปแบบของ NFT ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถซื้อ ขาย และสร้างที่ดินเสมือนจริง ในขณะที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับที่ดินของจริงไปด้วยกันได้ โดยการทำงานจะเป็นการผสานรวมกันของ DeFi และ DAO อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตาม Metaverse นี้ประกอบด้วยที่ดินสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 10x10 เมตร แสดงบนเลเยอร์กริดแบบดิจิทัล ซึ่งที่ดินเสมือนจริงจะเชื่อมโยงกับแบบจำลองของโลกจริงอีกด้วย ดังนั้นผู้ใช้งานสามารถเป็นเจ้าของที่ดินเสมือนจริงในส่วนใดของโลกก็ได้ ตั้งแต่บ้านของตนเองในโลกแห่งความจริงไปจนถึงสิ่งปลูกสร้างที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์

การเป็นเจ้าของสินทรัพย์เสมือนจริงเกิดขึ้นในตลาดแบบกระจายศูนย์ที่ใช้เทคโนโลยี NFT และ Blockchain เพื่อให้แน่ใจว่าการจัดเก็บและส่งข้อมูลที่มีระดับความปลอดภัยที่สูงขึ้น

การเป็นเจ้าของที่ดินใน Next Earth จะทำให้ผู้ใช้สามารถเป็นพลเมืองของ Metaverse และเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจได้ โดยเจ้าของที่ดินสามารถเข้าร่วมใน DAO Governance เพื่อรับรางวัลสำหรับกิจกรรมและสามารถเข้าถึง Reward Pool ผ่านการเดิมพันหรือการ Staking ซึ่งรางวัลจะเพิ่มขึ้นได้เมื่อมีการอัปเกรดที่ดินของตนเอง นอกจากนี้การถือครองที่ดินยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้รับผลตอบแทนได้อีกด้วย โดยเจ้าของที่ดินจะต้องสร้างผลงานสะสม NFT ของตนเอง และพัฒนาทุกอย่างที่ต้องการบนที่ดินของตนเอง ตั้งแต่สนามกีฬาไปจนถึงเหมือนขุดเพชร

Next Earth สร้างขึ้นจากวัตถุประสงค์ด้านการกุศลที่ยิ่งใหญ่ที่มีเป้าหมายในการช่วยเหลือ Planet Earth ดังนั้น 10% ของการซื้อที่ดินใหม่ทุกครั้งก็จะนำเงินไปบริจาคให้กับโครงการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งหมายความว่าการซื้อที่ดินจะทำให้ผู้ใช้ได้มีส่วนร่วมในการกุศลด้านสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน

จุดเริ่มต้นของ Next Earth

Next Earth ได้รับการพัฒนาโดยทีมงานที่มีประสบการณ์และมีความเป็นมืออาชีพสูง ซึ่งพวกเขาลงทุนทั้งเงิน เวลา และแรงกายแรงใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด ซึ่งผู้ก่อตั้งโครงการ Gabor Retfalvi, Miklos Vitez และ Atilla Kiraly ล้วนเป็นผู้ประกอบการที่มากประสบการณ์และมีผลงานมากมายที่สามารถตรวจสอบได้ ในช่วงเดือนธันวาคม 2021 ที่ผ่านมานี้มีทีมงานกว่า 20 ชีวิต ที่เป็นทีมพัฒนาหลักของ Next Earth และเป้าหมายของทีมคือการเป็น Metaverse อันดับหนึ่งสำหรับธุรกิจด้วยการสร้างตลาดที่ใหญ่ที่สุด, การขายแบบ Digital/VR และแพลตฟอร์มการบริการ ในอนาคตอันใกล้นี้ Next Earth มีแผนที่จะเป็นเจ้าภาพด้านธุรกิจต่าง ๆ จากทั้งระบบเศรษฐกิจในโลกแห่งความจริงและอุตสาหกรรม Blockchain อีกด้วย นอกจากนี้ยังต้องการสร้างชุมชนที่มีความโปร่งใสและเสมอภาคโดยมีส่วนสำคัญในการเป็น Digital Ownership อย่างแท้จริง

ทีมงานได้เริ่มขายที่ดิน NFT ในเดือนสิงหาคม 2021 ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้ที่ทำการซื้อที่ดินไปกว่า 12,351 ราย โดยเป็นตัวเลขรวมของการซื้อที่ดินบน Next Earth Metaverse ในระหว่างวันที่ 17 สิงหาคม - 30 พฤศจิกายน ของปี 2021

ทำเลฮิตติดชาร์จใน Next Earth

Next Earth นำเสนอแผนที่ที่ครอบคลุมเกือบทุกประเทศและทุกพื้นที่บนโลกจริง เนื่องจากมันเป็นแพลตฟอร์มที่เปรียบเสมือนการคัดลอกสำเนาของโลกจริงทุกประการ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและทำเลที่มีชื่อเสียงในโลกแห่งความจริงก็จะมีชื่อเสียงบน Next Earth ด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุด 3 ประเทศ มีดังต่อไปนี้:

  • The United States - ในปัจจุบันทำเลเสมือนจริงที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนแผนที่โลกใน Next Earth คือสหรัฐอเมริกา ณ เดือนมกราคม 2022 มีการขายที่ดินไปกว่า 3,898,000 แปลง ให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก
  • Russia - มีการจำหน่ายที่ดินไปแล้วประมาณ 1,352,000 แปลงในรัสเซียของแผนที่บน Next Earth
  • South Korea - ประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 3 คือเกาหลีใต้ ซึ่งมีการขายที่ดินไปแล้วกว่า 1,197,000 แปลง

มีสินทรัพย์อะไรบ้างใน Next Earth

ที่ดิน

สินทรัพย์หลักใน Next Earth คือแปลงที่ดิน โดยผู้เล่นสามารถซื้อแปลที่ดินได้มากถึง 1,000 แปลงต่อครั้ง ซึ่งมีโฉนดที่ดิน 3 รูปแบบด้วยกันคือ น้ำ เมือง และนอกเมือง

  • Urban Tile (เมือง) คือที่ดินที่อยู่ภายในเขตแดนของประเทศใดประเทศหนึ่งที่มีขอบเขตของพื้นที่ประมาณ 1 ตารางกิโลเมตร และมี Poi อย่างน้อย 1 จุด
  • Non-Urban (นอกเมือง) คือที่ดินทั้งหมดที่อยู่ภายในเขตแดนของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ไม่ใช่ที่ดินในเมือง
  • Water Tile (น้ำ) คือที่ดินที่เป็นผืนน้ำที่จะอยู่นอกเขตแดนของประเทศนั้น ๆ

ที่ดินหนึ่งแปลงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 คลาส ได้แก่ Land Class และ Art Class ซึ่งแปลงที่ดินเริ่มต้นจะเป็น Land Class แต่พื้นที่บริเวณนอกเมืองและผืนน้ำจะสามารถเปลี่ยนที่ดินเป็น Art Class ผ่าน Land Art Module ได้ในตัวเอง โดยสิ่งที่ทำให้ทั้ง 2 คลาสมีความแตกต่างกันคือโอกาสในการรับรางวัลโบนัสจากการใช้สกินที่แตกต่างกัน

สกินที่แตกต่างกันมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกันคือ Inner Skin และ Outer Skin โดยมีกำหนดการเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 1/2022 โดย Inner Skin จะสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้ใช้รายอื่นที่ต้องการดู Land NFT เช่น สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของ NFT ที่เป็นแลนด์มาร์คแบบ 2D เป็นแบบ 3D ได้ และในทางกลับกัน Outer Skin จะสามารถเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่รูปภาพไปจนถึงแกลเลอรี

เจ้าของที่ดินจะมีอิสระในการสร้างอะไรก็ได้ตามที่ตนเองต้องการ ซึ่งสามารถสร้างได้ทุกอย่างตั้งแต่บ้านสำหรับครอบครัวและวิลล่าสุดหรู ไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวและโรงงานไฟฟ้า รวมถึงยังสามารถสร้างเป็นวงเวียนได้หากต้องการ

มีอีกหลากหลายวิธีด้วยกันที่เจ้าของสามารถทำได้เพื่อรับผลประโยชน์ที่มากขึ้น ได้แก่ สามารถซื้อที่ดินมากเท่าที่เป็นไปได้และอัปเกรดที่ดินเป็นระดับต่ำสุด (Horizontal Growth Route), ซื้อที่ดินจำนวนขั้นต่ำและอัปเกรดที่ดินเป็นระดับสูงสุด (Vertical Growth Route), พัฒนาเป็น Art Class NFT ได้มากเท่าที่ต้องการและขายให้กับคนอื่น ๆ (Landmark Route), ซื้อที่ดินเท่าที่ต้องการเพื่อการสะสม (Whale Route) หรือรวบรวมสกินเพื่อนำมาหลอมและขายในตลาด (Trader Route)

Loot Boxes

ผู้เล่นสามารถซื้อ Loot Boxes เพื่อลุ้นรับสกินใหม่ได้ ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มผลประโยชน์จากรางวัลที่จะได้รับเพิ่มขึ้น รวมถึงมีแคมเปญมากมายที่จะมีการแจกจ่าย Loot Boxes ในจำนวนจำกัดอีกด้วย โดยแคมเปญ Loot Boxes แต่ละแคมเปญจะมีอัตราการสุ่มที่แตกต่างกัน ซึ่งมีตั้งแต่ระดับ Legendary, Epic ไปจนถึงแบบทั่วไป

Product Collectibles

ไอเทมต่าง ๆ จะถูกสร้างขึ้นมาจากทรัพยากรบนที่ดินได้ตลอดช่วงการสร้างระบบเศรษฐกิจบน Next Earth และไอเทมเหล่านี้จะสามารถสะสมไว้ในพอร์ตเพื่อนำมาสร้างเป็น NFT พิเศษได้อีกด้วย

เหรียญโทเคนที่ใช้ใน Next Earth

NXTT เป็นโทเคนประจำเครือข่ายของระบบเศรษฐกิจใน Next Earth โดยโทเคนนี้สามารถใช้สำหรับหลาย ๆ อย่างในแพลตฟอร์ม รวมถึงการซื้อที่ดิน การขายในตลาดกลาง และค่าธรรมเนียมทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ที่ดินทุกแปลงบนโลกของ Next Earth ก็มีคุณสมบัติในการรับโบนัสและรางวัล ตราบใดที่เจ้าของที่ดินทำการ Staking โทเคนเอาไว้ แต่จำนวนสูงสุดที่สามารถทำได้นั้นก็มีจำกัดขึ้นอยู่กับสกินที่ใช้กับที่ดินของตนเอง

Next Earth ได้ออกโทเคนมาในอุปทานสูงสุดที่ 6 หมื่นล้านโทเคน ซึ่งได้จัดสรร 3% ของจำนวนโทเคนทั้งหมดสำหรับการขายแบบ IDO และจัดสรรอีก 20% ของจำนวนโทเคนทั้งหมดจะถูกล็อกไว้ให้ทีมพัฒนา และจำนวน 75% จะถูกจัดสรรไว้สำหรับการเก็บไว้ในคลัง และส่วนที่เหลืออีก 2% จะแจกจ่ายให้กับเจ้าของที่ดินล่วงหน้า ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินเสมือนจริงบน Next Earth แล้วสามารถซื้อโทเคน NXTT ได้ในราคาพิเศษ

3 เหตุผลหลักที่คุณควรลงทุนใน Next Earth

  1. การเป็นเจ้าของที่ดินใน Next Earth ให้ผลตอบแทนมากมาย - การเป็นเจ้าของที่ดินใน Next Earth นั้นให้ประโยชน์มากมายแก่ผู้เล่น ซึ่งมีเพียงเจ้าของที่ดินเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมกับ DAO ผ่านการ Staking โทเคนประจำเครือข่าย และสามารถรับรางวัลเพิ่มเติมได้อีกด้วย รวมถึงเจ้าของที่ดินสามารถสร้างพอร์ตสะสม NFT ของตนเองได้ นอกจากนี้การจะสามารถเอาธุรกิจของตนเองเข้าสู่ระบบนิเวศของ Next Earth ได้ก็ต่อเมื่อมีที่ดินอยู่แล้วในโลกเสมือนจริง หมายความว่าเจ้าของที่ดินจะมีโอกาสมากมายในการขายที่ดินของตนเองในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อนั้นมาก
  2. ทีมงานมืออาชีพกำลังพัฒนา Next Earth - ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังของ Next Earth ล้วนแล้วแต่เป็นมืออาชีพที่มีประสบการณ์และมีความมุ่งมั่นในโปรเจ็กต์ที่ทำ นอกจากนี้เจ้าของทั้งหมดกำลังลงทุนทั้งเงิน เวลา และแรงกายของตนเองไปกับโปรเจ็กต์อย่างเต็มที่
  3. Next Earth ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง - ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการเปิดตัวที่ดินใน Next Earth มีมูลค่าการซื้อขาย 50,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน โดยมีอัตรากำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 6,110% เลยทีเดียว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน และมันจะเติบโตต่อไปในอนาคตได้ก็ต่อเมื่อมีคนเข้าร่วมกับแพลตฟอร์มมากขึ้น และมีกระแสของ Metaverse เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง